สำหรับผู้ที่สนใจเกี่ยวกับธุรกิจโรงแรมขนาดเล็กถึงขนาดกลาง (ต่ำกว่า 79 ห้อง) การฝึกตนเองให้คิดให้ครบในด้านต่างๆ จะช่วยให้คุณมองภาพได้อย่างรอบด้านมากขึ้น เราลองมาดูว่า เราจะฝึกตัวเราให้คิดให้ครบได้อย่างไรบ้าง
ผู้ที่ต้องการจะลงทุนในธุรกิจโรงแรมโดยส่วนใหญ่ มักจะตั้งต้นกระบวนการทางความคิดจากรูปแบบ การออกแบบว่าจะออกมาหน้าตาเป็นอย่างไร ใช้สีสันประมาณไหน หรือตกแต่งในสไตล์อะไร โดยจะมีความคิดในด้านนี้อย่างเด่นชัด เนื่องจากเป็นความชอบ หรือรสนิยมส่วนตัว และอาจคิด(ไปเอง)ว่าหากเราทำโรงแรมในแบบนี้แล้ว จะมีคนชอบเช่นเดียวกับที่เราชอบ ดังนั้นพื้นที่ทางความคิดจึงกินอาณาเขตในเรื่องการออกแบบไปค่อนข้างมาก
การคิดให้ครบสำหรับกรณีโครงการสร้างใหม่ นอกเหนือจากเรื่องการออกแบบ การตกแต่งภายในตามที่ต้องการแล้ว ยังมีด้านอื่นๆที่อยากแนะนำให้คิดทบทวนและพิจารณาให้ถี่ถ้วน ได้แก่
1) เรื่องเงินทุน ซึ่งไม่ใช่เฉพาะเรื่องงบประมาณในการก่อสร้าง แต่ควรขยายกรอบความคิดให้ครอบคลุมไปถึงเรื่อง งบประมาณในการใช้จ่ายในเรื่องอุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ภายในโรงแรมประจำแผนกต่างๆ งบประมาณในการว่าจ้างพนักงาน งบประมาณในการเตรียมการก่อนเปิดโรงแรมทางด้านการตลาดและการขาย เป็นต้น ทั้งนี้เนื่องจากหากเราตั้งตัวเลขเฉพาะเรื่องค่าก่อสร้างแต่เพียงอย่างเดียวและหลงลืมในประเด็นการทำให้โรงแรมมีชีวิตและดำเนินธุรกิจได้ เท่ากับว่าสิ่งที่ตั้งใจทำมาทั้งหมดจะเกิดการสะดุดหรือติดขัดทันที เนื่องจากงบประมาณไม่เพียงพอ
2) การบริหารจัดการ การวางตัวผู้ดูแลกิจการ ผู้บริหารกิจการประจำ และผู้สืบทอดกิจการ อาจดูเป็นเรื่องไกลตัว แต่จริงๆแล้วในประเด็นนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญมากเนื่องจากบางท่านสนใจแต่ในเรื่องการลงทุนแต่ไม่อยากนั่งบริหารเอง บางท่านตอนเริ่มโครงการอยากนั่งบริหารเอง แต่พอเวลาผ่านไปเมื่อพบปัญหา เริ่มไม่อยากนั่งบริหารแล้วเพราะไม่ชอบแก้ไขปัญหา เป็นต้น ดังนั้น การวางแผนในเรื่องการวางตัวในตำแหน่งต่างๆ นั้น ปัจจัยในเรื่องเวลาจะเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องทันที ดังนั้นควรที่จะพิจารณาในเรื่องนี้ตั้งแต่ระยะแรกๆที่อยากจะทำโครงการ
3) ทิศทางของธุรกิจ การตั้งเป้าหมายของธุรกิจมีความสำคัญเช่นเดียวกับการเริ่มต้นทำธุรกิจประเภทอื่นๆเช่นกัน หากเราวางทิศทางที่ถูกต้องและเหมาะสม แนวทางในการวางกลยุทธ์และเป้าหมายต่างๆในแต่ละช่วงก็จะชัดเจน ไม่เสียเวลา แต่ถ้าเราตัดสินใจทำธุรกิจเพียงเพราะกระแสนิยมผลักดัน แต่ตัวตนของธุรกิจยังไม่ชัดเจน แน่นอนย่อมจะเสียเวลาไม่มากก็น้อยในการปรับแผน ปรับกลยุทธ์ และปรับวิธีการทำงานให้สอดคล้องกับทิศทางและเป้าหมายที่วางไว้
4) ทีมงาน การสร้างทีมที่เป็นทีมเดียวกันในยุคปัจจุบันต้องใช้เวลาในการหล่อหลอมทีมเข้าด้วยกัน แต่เนื่องจากเวลาที่มีจำกัด การสร้างความเข้าใจในการบริการแบบที่ต้องการ จึงควรมองควบคู่ไปกับภาพทางการตลาดที่โครงการต้องการจะก้าวไป และสร้างแม่แบบขึ้นมาเหมือนเป็นคู่มือในการทำงานร่วมกัน โดยเน้นในเรื่องการเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างแบรนด์ในแบบของเราเอง
ผู้ที่ต้องการจะลงทุนในธุรกิจโรงแรมโดยส่วนใหญ่ มักจะตั้งต้นกระบวนการทางความคิดจากรูปแบบ การออกแบบว่าจะออกมาหน้าตาเป็นอย่างไร ใช้สีสันประมาณไหน หรือตกแต่งในสไตล์อะไร โดยจะมีความคิดในด้านนี้อย่างเด่นชัด เนื่องจากเป็นความชอบ หรือรสนิยมส่วนตัว และอาจคิด(ไปเอง)ว่าหากเราทำโรงแรมในแบบนี้แล้ว จะมีคนชอบเช่นเดียวกับที่เราชอบ ดังนั้นพื้นที่ทางความคิดจึงกินอาณาเขตในเรื่องการออกแบบไปค่อนข้างมาก

1) เรื่องเงินทุน ซึ่งไม่ใช่เฉพาะเรื่องงบประมาณในการก่อสร้าง แต่ควรขยายกรอบความคิดให้ครอบคลุมไปถึงเรื่อง งบประมาณในการใช้จ่ายในเรื่องอุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ภายในโรงแรมประจำแผนกต่างๆ งบประมาณในการว่าจ้างพนักงาน งบประมาณในการเตรียมการก่อนเปิดโรงแรมทางด้านการตลาดและการขาย เป็นต้น ทั้งนี้เนื่องจากหากเราตั้งตัวเลขเฉพาะเรื่องค่าก่อสร้างแต่เพียงอย่างเดียวและหลงลืมในประเด็นการทำให้โรงแรมมีชีวิตและดำเนินธุรกิจได้ เท่ากับว่าสิ่งที่ตั้งใจทำมาทั้งหมดจะเกิดการสะดุดหรือติดขัดทันที เนื่องจากงบประมาณไม่เพียงพอ
2) การบริหารจัดการ การวางตัวผู้ดูแลกิจการ ผู้บริหารกิจการประจำ และผู้สืบทอดกิจการ อาจดูเป็นเรื่องไกลตัว แต่จริงๆแล้วในประเด็นนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญมากเนื่องจากบางท่านสนใจแต่ในเรื่องการลงทุนแต่ไม่อยากนั่งบริหารเอง บางท่านตอนเริ่มโครงการอยากนั่งบริหารเอง แต่พอเวลาผ่านไปเมื่อพบปัญหา เริ่มไม่อยากนั่งบริหารแล้วเพราะไม่ชอบแก้ไขปัญหา เป็นต้น ดังนั้น การวางแผนในเรื่องการวางตัวในตำแหน่งต่างๆ นั้น ปัจจัยในเรื่องเวลาจะเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องทันที ดังนั้นควรที่จะพิจารณาในเรื่องนี้ตั้งแต่ระยะแรกๆที่อยากจะทำโครงการ
3) ทิศทางของธุรกิจ การตั้งเป้าหมายของธุรกิจมีความสำคัญเช่นเดียวกับการเริ่มต้นทำธุรกิจประเภทอื่นๆเช่นกัน หากเราวางทิศทางที่ถูกต้องและเหมาะสม แนวทางในการวางกลยุทธ์และเป้าหมายต่างๆในแต่ละช่วงก็จะชัดเจน ไม่เสียเวลา แต่ถ้าเราตัดสินใจทำธุรกิจเพียงเพราะกระแสนิยมผลักดัน แต่ตัวตนของธุรกิจยังไม่ชัดเจน แน่นอนย่อมจะเสียเวลาไม่มากก็น้อยในการปรับแผน ปรับกลยุทธ์ และปรับวิธีการทำงานให้สอดคล้องกับทิศทางและเป้าหมายที่วางไว้
4) ทีมงาน การสร้างทีมที่เป็นทีมเดียวกันในยุคปัจจุบันต้องใช้เวลาในการหล่อหลอมทีมเข้าด้วยกัน แต่เนื่องจากเวลาที่มีจำกัด การสร้างความเข้าใจในการบริการแบบที่ต้องการ จึงควรมองควบคู่ไปกับภาพทางการตลาดที่โครงการต้องการจะก้าวไป และสร้างแม่แบบขึ้นมาเหมือนเป็นคู่มือในการทำงานร่วมกัน โดยเน้นในเรื่องการเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างแบรนด์ในแบบของเราเอง
การคิดให้ครบ และรอบคอบในการทำโครงการโรงแรมที่พักใหม่ โดยเน้นในเรื่องการปฏิบัติงาน หรือ Operation ที่มีกรอบของแนวทางในการทำงานอยู่ภายใต้แนวคิดเดียวกัน และมีความเป็นไปได้ในทางงบประมาณ จะช่วยให้โครงการของคุณอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงที่เป็นไปได้ ไม่ใช่การสร้างฝันที่ไม่มีวันก้าวไปถึง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น