สองตอนที่ผ่านไปคือคิดให้ครบและคิดให้เป็น(เรื่องเดียวกัน) ตอนนี้แนะนำให้ "คิดให้ดี" สำหรับผู้ที่สนใจจะทำธุรกิจโรงแรมขนาดเล็ก
คิดให้ดี หมายถึงการคิดไตร่ตรองให้รอบคอบ ใช้เวลาพิจารณาในเรื่องต่างๆให้ละเอียดถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจลงทุน เนื่องจากการทำโครงการไม่ว่าขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ ล้วนมีอายุของโครงการที่เราจะอยู่กับโครงการไปตลอด ดังนั้นในเรื่องความพร้อมในด้านต่างๆจึงเป็นอีกประเด็นที่ไม่ควรหลีกเลี่ยง หรือคิดเข้าข้างตัวเองว่าค่อยไปว่ากันข้างหน้า
ข้อคิดที่อยากจะแนะนำในเรื่อง "คิดให้ดี" ได้แก่
(1) เงินลงทุน เวลาพูดถึงเงินลงทุนให้คำนึงถึง 3 ส่วน ดังนี้
1.1. เงินที่ต้องใช้ก่อนเริ่มโครงการ
1.2 เงินที่ต้องใช้ในการก่อสร้าง
1.3 เงินที่ต้องใช้ในการเตรียมการเปิดโรงแรม
บางครั้งเจ้าของโครงการมักจะพูดรวมๆและให้น้ำหนักไปในเรื่องการก่อสร้างเป็นส่วนใหญ่ แต่ในความเป็นจริงค่าใช้จ่ายในข้อ 1.1 และ 1.3 ก็คิดเป็นจำนวนไม่น้อยเช่นกัน
รายจ่ายเหล่านี้เช่นอะไรบ้าง ค่าออกแบบของสถาปนิก ค่าออกแบบของอินทีเรีย ค่าจดทะเบียนบริษัท ค่าจ้างพนักงานประจำสำนักงานเพื่อเดินเรื่องเอกสารติดต่อกับทางราชการและหน่วยงานต่างๆ ค่าเช่าสำนักงาน เป็นต้น รายการเหล่านี้ลองพิจารณาเบื้องต้นว่าจะสามารถปรับลด หรือตัดทอนรายการใดได้บ้าง
ส่วนรายการเพื่อเตรียมการเปิดโรงแรม ตั้งแต่จานชาม ช้อนส้อม ผ้าปูที่นอน หมอน ผ้าห่ม ข้าวของเครื่องใช้กระจุกกระจิกเพื่อสร้างสีสรร ซึ่งสิ่งเหล่านี้บางท่านก็ไปรวมอยู่ในค่าใช้จ่ายในการก่อสร้าง นอกจากนี้ยังมีค่าใช้จ่ายในการสร้างตัวตนที่มีเอกลักษณ์ เช่น การออกแบบโลโก้ ตัวอักษร การจัดทำเว็บไซด์ การหาผู้ออกแบบทำงานกราฟฟิคต่างๆที่เกี่ยวกับสื่อสิ่งพิมพ์ของโครงการ ค่าจ้างพิมพ์สื่อ และเครื่องเขียน แบบฟอร์มต่างๆที่ใช้ในโครงการ ไปจนถึงการหาระบบการจองห้องพักมาใช้กับโครงการ เป็นต้น
ไม่ว่าคุณจะจัดหมวดหมู่ค่าใช้จ่ายเหล่านี้อยู่ในกลุ่มใด ขอให้รวบรวมรายการให้ครบถ้วนให้มากที่สุด หรือใกล้เคียงมากที่สุด เพื่อจะได้มีตัวเลขที่ควบคุมการทำงานของโครงการ
นอกจากนี้ เงินทุนหมุนเวียนที่จะใช้ในการบริหารกิจการเมื่อเปิดให้บริการ ก็ย่อมเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญ ไม่ใช่จะไปหวังน้ำบ่อหน้าว่าเมื่อเปิดขายแล้วก็จะมีเงินเข้ามาใช้จ่าย ควรจะต้องมีเงินสำรองเพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียนในแต่ละเดือน หากผลประกอบการไม่ออกมาตามเป้าหมายที่วางไว้ด้วยเช่นกัน
(2) เวลา และตารางการทำงาน
การวางแผนการทำงาน ควรวางแผนเพื่อให้มีกรอบระยะเวลาในการทำงานที่เหมาะสม และหากคุณสามารถนำการวิเคราะห์ทางเศรษฐกิจแนวโน้มต่างๆเข้ามาผนวกได้ คุณก็จะสามารถจัดการงาน จัดเวลาที่จะใช้ในการทำโครงการให้สามารถเปิดให้บริการได้ทันตามจังหวะและช่วงเวลาที่เหมาะสมได้ เพื่อไม่ให้เสียโอกาสในการขาย
การควบคุมเวลาการทำงาน ต้องอาศัยความมีระเบียบวินัยและความรับผิดชอบของผู้ร่วมงานทุกฝ่าย ดังนั้น การคัดเลือกผู้ร่วมงานต้องใส่ใจและพิถีพิถันในการคัดเลือกเพื่อไม่ให้โครงการเสียโอกาส และเสียหายโดยไม่จำเป็น แน่นอนว่าการทำงานย่อมมีความล่าช้าเกิดขึ้นบ้างไม่มากก็น้อย แต่หากความล่าช้านั้นอยู่บนพื้นฐานของเหตุและผล พร้อมทั้งมีแนวทางในการป้องกันและเยียวยาความล่าช้าที่เกิดขึ้น ย่อมเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ แต่หากความล่าช้าเกิดจากความบกพร่องและนิสัยส่วนตัวของผู้ร่วมงานที่เป็นคนไม่รักษาเวลา ไม่รู้จักการทำงานร่วมกับผู้อื่น คือไม่รู้หรือเพิกเฉยว่าความล่าช้าของตนกระทบกับโครงการอย่างไร อันนี้ย่อมไม่เป็นผลดีต่อโครงการแน่นอน
(3) พิจารณาทางเลือกในการลงทุนอื่นๆประกอบ ประเด็นนี้ควรเป็นประเด็นที่ใช้คิดเปรียบเทียบว่าภายใต้จำนวนเงินลงทุนที่เท่ากัน หากนำไปลงทุนในธุรกิจอื่นๆ หรือในรูปแบบการลงทุนแบบอื่น มีความเป็นไปได้ทางธุรกิจอย่างไร และลองนำมาเปรียบเทียบกับธุรกิจโรงแรมขนาดเล็กที่คุณตั้งใจอยากจะทำ
(4) เป็นตัวของตัวเอง อย่าตามกระแส หรือแรงยุยงจากภายนอก หากเราใช้เวลาในการคิด พิจารณา ทุกอย่างด้วยความรอบคอบ หรือเมื่อมีคนแนะนำ ก็รับฟัง และนำกลับไปคิด "อย่าฟัง แล้วเชื่อทันที" คุณก็จะค่อยๆเห็นภาพว่าสิ่งที่คนอื่นๆพูด กับสิ่งที่คุณได้ทำการค้นคว้า คิด และวิเคราะห์ มีความเป็นไปได้ และความน่าเชื่อถือต่างกันอย่างไร
ปัจจุบันมีงานสัมมนามากมายให้เลือกรับฟังและเข้าร่วมกิจกรรม แต่ทุกๆงานล้วนมีจุดเด่น จุดด้อยแตกต่างกันไป ดังนั้น เมื่อฟังแล้ว ควรนำกลับมาคิดทบทวน ถึงความเป็นไปได้ อย่าเพิ่งปักใจเชื่อในสิ่งที่ยังไม่ได้คิดไตร่ตรอง ทบทวนให้รอบคอบเป็นอันขาด
ยกตัวอย่างเช่น คุณต้องการทำโรงแรม 15 ห้อง อยากให้บริการ 24 ชั่วโมง เท่ากับว่าคุณต้องแบ่งพนักงานเข้าทำงานเป็นกะกลางวันและกลางคืน เท่ากับว่าจำนวนพนักงานในแต่ละแผนกก็จะต้องเพิ่มขึ้น ดังนั้นค่าใช้จ่ายในเรื่องเงินเดือนค่าจ้างต่างๆ ย่อมสูงกว่าปกติเป็นธรรมดา เพราะฉนั้นควรเลือกรูปแบบในการให้บริการที่เหมาะสมกับกำลังที่คุณจะสามารถจัดหาเงินทุนหมุนเวียนในกิจการเพื่อให้กิจการสามารถดำเนินไปได้อย่างราบรื่น หรือมีงบในการก่อสร้างจำนวนหนึ่ง มีช่างบอกว่า "ทำได้ ทำได้" คือควรจะถามช่างด้วยว่า "ที่ว่าทำได้ นี่หมายถึงเฉพาะก่อสร้างเสร็จไม่รวมตกแต่งภายในใช่มั้ย" เป็นต้น
ทุกสิ่งทุกอย่างทำได้ แต่ควรคิดอย่างมีสติ ให้รอบคอบ
คิดให้ดี หมายถึงการคิดไตร่ตรองให้รอบคอบ ใช้เวลาพิจารณาในเรื่องต่างๆให้ละเอียดถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจลงทุน เนื่องจากการทำโครงการไม่ว่าขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ ล้วนมีอายุของโครงการที่เราจะอยู่กับโครงการไปตลอด ดังนั้นในเรื่องความพร้อมในด้านต่างๆจึงเป็นอีกประเด็นที่ไม่ควรหลีกเลี่ยง หรือคิดเข้าข้างตัวเองว่าค่อยไปว่ากันข้างหน้า
ข้อคิดที่อยากจะแนะนำในเรื่อง "คิดให้ดี" ได้แก่
(1) เงินลงทุน เวลาพูดถึงเงินลงทุนให้คำนึงถึง 3 ส่วน ดังนี้
1.1. เงินที่ต้องใช้ก่อนเริ่มโครงการ
1.2 เงินที่ต้องใช้ในการก่อสร้าง
1.3 เงินที่ต้องใช้ในการเตรียมการเปิดโรงแรม
บางครั้งเจ้าของโครงการมักจะพูดรวมๆและให้น้ำหนักไปในเรื่องการก่อสร้างเป็นส่วนใหญ่ แต่ในความเป็นจริงค่าใช้จ่ายในข้อ 1.1 และ 1.3 ก็คิดเป็นจำนวนไม่น้อยเช่นกัน
รายจ่ายเหล่านี้เช่นอะไรบ้าง ค่าออกแบบของสถาปนิก ค่าออกแบบของอินทีเรีย ค่าจดทะเบียนบริษัท ค่าจ้างพนักงานประจำสำนักงานเพื่อเดินเรื่องเอกสารติดต่อกับทางราชการและหน่วยงานต่างๆ ค่าเช่าสำนักงาน เป็นต้น รายการเหล่านี้ลองพิจารณาเบื้องต้นว่าจะสามารถปรับลด หรือตัดทอนรายการใดได้บ้าง
ส่วนรายการเพื่อเตรียมการเปิดโรงแรม ตั้งแต่จานชาม ช้อนส้อม ผ้าปูที่นอน หมอน ผ้าห่ม ข้าวของเครื่องใช้กระจุกกระจิกเพื่อสร้างสีสรร ซึ่งสิ่งเหล่านี้บางท่านก็ไปรวมอยู่ในค่าใช้จ่ายในการก่อสร้าง นอกจากนี้ยังมีค่าใช้จ่ายในการสร้างตัวตนที่มีเอกลักษณ์ เช่น การออกแบบโลโก้ ตัวอักษร การจัดทำเว็บไซด์ การหาผู้ออกแบบทำงานกราฟฟิคต่างๆที่เกี่ยวกับสื่อสิ่งพิมพ์ของโครงการ ค่าจ้างพิมพ์สื่อ และเครื่องเขียน แบบฟอร์มต่างๆที่ใช้ในโครงการ ไปจนถึงการหาระบบการจองห้องพักมาใช้กับโครงการ เป็นต้น
ไม่ว่าคุณจะจัดหมวดหมู่ค่าใช้จ่ายเหล่านี้อยู่ในกลุ่มใด ขอให้รวบรวมรายการให้ครบถ้วนให้มากที่สุด หรือใกล้เคียงมากที่สุด เพื่อจะได้มีตัวเลขที่ควบคุมการทำงานของโครงการ
นอกจากนี้ เงินทุนหมุนเวียนที่จะใช้ในการบริหารกิจการเมื่อเปิดให้บริการ ก็ย่อมเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญ ไม่ใช่จะไปหวังน้ำบ่อหน้าว่าเมื่อเปิดขายแล้วก็จะมีเงินเข้ามาใช้จ่าย ควรจะต้องมีเงินสำรองเพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียนในแต่ละเดือน หากผลประกอบการไม่ออกมาตามเป้าหมายที่วางไว้ด้วยเช่นกัน
(2) เวลา และตารางการทำงาน
การวางแผนการทำงาน ควรวางแผนเพื่อให้มีกรอบระยะเวลาในการทำงานที่เหมาะสม และหากคุณสามารถนำการวิเคราะห์ทางเศรษฐกิจแนวโน้มต่างๆเข้ามาผนวกได้ คุณก็จะสามารถจัดการงาน จัดเวลาที่จะใช้ในการทำโครงการให้สามารถเปิดให้บริการได้ทันตามจังหวะและช่วงเวลาที่เหมาะสมได้ เพื่อไม่ให้เสียโอกาสในการขาย
การควบคุมเวลาการทำงาน ต้องอาศัยความมีระเบียบวินัยและความรับผิดชอบของผู้ร่วมงานทุกฝ่าย ดังนั้น การคัดเลือกผู้ร่วมงานต้องใส่ใจและพิถีพิถันในการคัดเลือกเพื่อไม่ให้โครงการเสียโอกาส และเสียหายโดยไม่จำเป็น แน่นอนว่าการทำงานย่อมมีความล่าช้าเกิดขึ้นบ้างไม่มากก็น้อย แต่หากความล่าช้านั้นอยู่บนพื้นฐานของเหตุและผล พร้อมทั้งมีแนวทางในการป้องกันและเยียวยาความล่าช้าที่เกิดขึ้น ย่อมเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ แต่หากความล่าช้าเกิดจากความบกพร่องและนิสัยส่วนตัวของผู้ร่วมงานที่เป็นคนไม่รักษาเวลา ไม่รู้จักการทำงานร่วมกับผู้อื่น คือไม่รู้หรือเพิกเฉยว่าความล่าช้าของตนกระทบกับโครงการอย่างไร อันนี้ย่อมไม่เป็นผลดีต่อโครงการแน่นอน
(3) พิจารณาทางเลือกในการลงทุนอื่นๆประกอบ ประเด็นนี้ควรเป็นประเด็นที่ใช้คิดเปรียบเทียบว่าภายใต้จำนวนเงินลงทุนที่เท่ากัน หากนำไปลงทุนในธุรกิจอื่นๆ หรือในรูปแบบการลงทุนแบบอื่น มีความเป็นไปได้ทางธุรกิจอย่างไร และลองนำมาเปรียบเทียบกับธุรกิจโรงแรมขนาดเล็กที่คุณตั้งใจอยากจะทำ
(4) เป็นตัวของตัวเอง อย่าตามกระแส หรือแรงยุยงจากภายนอก หากเราใช้เวลาในการคิด พิจารณา ทุกอย่างด้วยความรอบคอบ หรือเมื่อมีคนแนะนำ ก็รับฟัง และนำกลับไปคิด "อย่าฟัง แล้วเชื่อทันที" คุณก็จะค่อยๆเห็นภาพว่าสิ่งที่คนอื่นๆพูด กับสิ่งที่คุณได้ทำการค้นคว้า คิด และวิเคราะห์ มีความเป็นไปได้ และความน่าเชื่อถือต่างกันอย่างไร
ปัจจุบันมีงานสัมมนามากมายให้เลือกรับฟังและเข้าร่วมกิจกรรม แต่ทุกๆงานล้วนมีจุดเด่น จุดด้อยแตกต่างกันไป ดังนั้น เมื่อฟังแล้ว ควรนำกลับมาคิดทบทวน ถึงความเป็นไปได้ อย่าเพิ่งปักใจเชื่อในสิ่งที่ยังไม่ได้คิดไตร่ตรอง ทบทวนให้รอบคอบเป็นอันขาด
ยกตัวอย่างเช่น คุณต้องการทำโรงแรม 15 ห้อง อยากให้บริการ 24 ชั่วโมง เท่ากับว่าคุณต้องแบ่งพนักงานเข้าทำงานเป็นกะกลางวันและกลางคืน เท่ากับว่าจำนวนพนักงานในแต่ละแผนกก็จะต้องเพิ่มขึ้น ดังนั้นค่าใช้จ่ายในเรื่องเงินเดือนค่าจ้างต่างๆ ย่อมสูงกว่าปกติเป็นธรรมดา เพราะฉนั้นควรเลือกรูปแบบในการให้บริการที่เหมาะสมกับกำลังที่คุณจะสามารถจัดหาเงินทุนหมุนเวียนในกิจการเพื่อให้กิจการสามารถดำเนินไปได้อย่างราบรื่น หรือมีงบในการก่อสร้างจำนวนหนึ่ง มีช่างบอกว่า "ทำได้ ทำได้" คือควรจะถามช่างด้วยว่า "ที่ว่าทำได้ นี่หมายถึงเฉพาะก่อสร้างเสร็จไม่รวมตกแต่งภายในใช่มั้ย" เป็นต้น
ทุกสิ่งทุกอย่างทำได้ แต่ควรคิดอย่างมีสติ ให้รอบคอบ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น