การสร้างโรงแรมที่พักขนาดเล็กแต่ละโครงการล้วนมีต้นทุนที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นโครงการสร้างใหม่ การปรับปรุงอาคารเก่า หรือการลงทุนร่วมกัน เมื่อแต่ละโครงการมีความแตกต่างกันด้วยปัจจัยตั้งแต่ขั้นตอนการเริ่มลงทุน ดังนั้นแต่ละโครงการย่อมมีต้นทุนที่แตกต่างกัน
ยกตัวอย่างง่ายๆ โครงการ A มีที่ดินมรดกจากครอบครัว ใช้เงินทุนส่วนตัวในการก่อสร้างและเตรียมเปิดดำเนินการ กับโครงการ B เช่าที่ดินระยะยาว และใช้เงินกู้ส่วนหนึ่งจากสถาบันการเงินในการสนับสนุนการก่อสร้าง เป็นต้น
ดังนั้นการจะเปรียบเทียบโครงการหนึ่งกับอีกโครงการหนึ่ง จึงควรเปรียบเทียบภายใต้สมมติฐานที่ใกล้เคียงกันเพื่อจะได้เห็นความแตกต่าง จุดเด่น จุดด้อย ความสามารถในการแข่งขัน ไปจนถึงความสามารถในการก่อรายได้
เมื่อคุณสนใจที่จะพัฒนาโครงการขึ้นมาโครงการหนึ่ง สิ่งที่ควรจะพิจารณาให้ถี่ถ้วน คือ "ต้นทุน" ของคุณว่ามีอะไรบ้าง และมีจำนวนมากน้อยเท่าไหร่ คุณมีความสามารถในการบริหารจัดการและดูแลในภายภาคหน้าอย่างไร
การมุ่งแต่จะพึ่งพาสถาบันการเงินในสัดส่วนที่สูง หรือมีความเสี่ยงมาก แน่นอน ต้นทุนของคุณก็มีสูงกว่าเมื่อเทียบกับโครงการที่พึ่งพาสถาบันการเงินในจำนวนเงินที่น้อยกว่า เพราะภาระในการผ่อนชำระดอกเบี้ยและเงินต้นที่จะผูกพันไปกับโครงการย่อมทำให้การจัดสรรรายได้ของคุณแตกต่างจากโครงการที่ไม่มีภาระในการผ่อนชำระ ดังนั้นถึงแม้ตัวเลขในการดำเนินการจะออกมาดูดี มีอนาคตสดใส ทำราคาห้องพักเฉลี่ย และอัตราการเข้าพักได้ดี แต่คุณยังมีภาระกับสถาบันการเงินอยู่ แต่อย่างไรก็ดี การพึ่งพาสถาบันการเงินในสัดส่วนที่เหมาะสม จะช่วยให้การบริหารธุรกิจของคุณมีความคล่องตัวมากขึ้น หากคุณมีวินัยทางการเงิน ไม่มีการใช้เงินผิดประเภท เช่น นำเงินจากธุรกิจหนึ่ง ไปใช้กับอีกธุรกิจหนึ่ง จนกลายเป็นธุรกิจไม่สามารถยืนอยู่ด้วยตนเองได้ กรณีนี้ก็มีพบเห็นบ่อยครั้งเช่นกัน
โรงแรมที่พักขนาดเล็กยังคงมีการก่อสร้าง และมีบุคคลที่สนใจในการสร้าง พัฒนาโครงการอย่างต่อเนื่อง แต่อยากแนะนำว่า "คิดให้ดี คิดให้รอบคอบ" และลงมือทำในกรอบที่ตนเองคิดว่าสามารถจัดการได้ จะดีที่สุด
ต้นทุนต่างกัน ไม่ได้หมายถึงต้นทุนทางการเงินเท่านั้น ยังหมายรวมไปถึงต้นทุนในเรื่อง "เวลา" ถึงแม้ทุกคนจะมีเวลา 24 ชั่วโมงเท่ากันใน 1 วัน แต่การจัดสรรเวลาเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด และมีประสิทธิภาพนั้น ล้วนเป็นต้นทุนที่ประเมินค่าไม่ได้
การบริหารโครงการก็เช่นกัน ต้นทุนของเวลาที่เสียไปจากความล่าช้าของโครงการนั้นเป็นสิ่งที่นอกจากจะเรียกเวลาคืนกลับมาไม่ได้แล้ว ค่าเสียโอกาสในเรื่องจังหวะเวลาในการเปิดขาย ทำการตลาด ย่อมล่าช้าตามไปด้วย ตัวอย่างที่เห็นชัดเจน คือ โครงการสร้างใหม่ส่วนใหญ่ ต้องการเร่งให้แล้วเสร็จและเปิดให้ทันในช่วงเทศกาลสำคัญ เช่น คริสต์มาส ปีใหม่ สงกรานต์ เป็นต้นเพราะต้องการลูกค้าเข้ามาในช่วงแรก แต่อย่างไรก็ดี การเร่งให้ทันเทศกาล แต่โครงการอยู่บนความไม่พร้อม และเปิดรับลูกค้า กรณีนี้ "ต้นทุน" ของคุณคงจะยิ่งสูงขึ้นไป เพราะอาจเกิดความไม่พอใจของลูกค้าที่คาดหวังจากโครงการ เกิดการต่อว่า และเขียนรีวิวที่ไม่ดี ส่งผลต่อภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือของโครงการ แทนที่จะมีลูกค้าเข้ามาสม่ำเสมอ กลับกลายเป็นต้องมานั่งกอบกู้ชื่อเสียง หรือเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเพื่อเป็นค่าชดเชยความเสียหายที่เกิดกับลูกค้า ก็เป็นได้
ต้นทุนต่างกัน สินค้าต่างกัน บริการต่างกัน ไม่ต้องแข่งกับใคร แข่งขันกับตัวเราเองให้เต็มที่ และใช้กรอบแนวนโยบายของภาครัฐเป็นความรู้รอบตัวให้เรารู้และเข้าใจถึงแนวทางการพัฒนา และโอกาสทางธุรกิจก็เพียงพอ
หยุดคิดซักนิด ชีวิตจะดี
ยกตัวอย่างง่ายๆ โครงการ A มีที่ดินมรดกจากครอบครัว ใช้เงินทุนส่วนตัวในการก่อสร้างและเตรียมเปิดดำเนินการ กับโครงการ B เช่าที่ดินระยะยาว และใช้เงินกู้ส่วนหนึ่งจากสถาบันการเงินในการสนับสนุนการก่อสร้าง เป็นต้น
ดังนั้นการจะเปรียบเทียบโครงการหนึ่งกับอีกโครงการหนึ่ง จึงควรเปรียบเทียบภายใต้สมมติฐานที่ใกล้เคียงกันเพื่อจะได้เห็นความแตกต่าง จุดเด่น จุดด้อย ความสามารถในการแข่งขัน ไปจนถึงความสามารถในการก่อรายได้
เมื่อคุณสนใจที่จะพัฒนาโครงการขึ้นมาโครงการหนึ่ง สิ่งที่ควรจะพิจารณาให้ถี่ถ้วน คือ "ต้นทุน" ของคุณว่ามีอะไรบ้าง และมีจำนวนมากน้อยเท่าไหร่ คุณมีความสามารถในการบริหารจัดการและดูแลในภายภาคหน้าอย่างไร
การมุ่งแต่จะพึ่งพาสถาบันการเงินในสัดส่วนที่สูง หรือมีความเสี่ยงมาก แน่นอน ต้นทุนของคุณก็มีสูงกว่าเมื่อเทียบกับโครงการที่พึ่งพาสถาบันการเงินในจำนวนเงินที่น้อยกว่า เพราะภาระในการผ่อนชำระดอกเบี้ยและเงินต้นที่จะผูกพันไปกับโครงการย่อมทำให้การจัดสรรรายได้ของคุณแตกต่างจากโครงการที่ไม่มีภาระในการผ่อนชำระ ดังนั้นถึงแม้ตัวเลขในการดำเนินการจะออกมาดูดี มีอนาคตสดใส ทำราคาห้องพักเฉลี่ย และอัตราการเข้าพักได้ดี แต่คุณยังมีภาระกับสถาบันการเงินอยู่ แต่อย่างไรก็ดี การพึ่งพาสถาบันการเงินในสัดส่วนที่เหมาะสม จะช่วยให้การบริหารธุรกิจของคุณมีความคล่องตัวมากขึ้น หากคุณมีวินัยทางการเงิน ไม่มีการใช้เงินผิดประเภท เช่น นำเงินจากธุรกิจหนึ่ง ไปใช้กับอีกธุรกิจหนึ่ง จนกลายเป็นธุรกิจไม่สามารถยืนอยู่ด้วยตนเองได้ กรณีนี้ก็มีพบเห็นบ่อยครั้งเช่นกัน
โรงแรมที่พักขนาดเล็กยังคงมีการก่อสร้าง และมีบุคคลที่สนใจในการสร้าง พัฒนาโครงการอย่างต่อเนื่อง แต่อยากแนะนำว่า "คิดให้ดี คิดให้รอบคอบ" และลงมือทำในกรอบที่ตนเองคิดว่าสามารถจัดการได้ จะดีที่สุด
ต้นทุนต่างกัน ไม่ได้หมายถึงต้นทุนทางการเงินเท่านั้น ยังหมายรวมไปถึงต้นทุนในเรื่อง "เวลา" ถึงแม้ทุกคนจะมีเวลา 24 ชั่วโมงเท่ากันใน 1 วัน แต่การจัดสรรเวลาเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด และมีประสิทธิภาพนั้น ล้วนเป็นต้นทุนที่ประเมินค่าไม่ได้
การบริหารโครงการก็เช่นกัน ต้นทุนของเวลาที่เสียไปจากความล่าช้าของโครงการนั้นเป็นสิ่งที่นอกจากจะเรียกเวลาคืนกลับมาไม่ได้แล้ว ค่าเสียโอกาสในเรื่องจังหวะเวลาในการเปิดขาย ทำการตลาด ย่อมล่าช้าตามไปด้วย ตัวอย่างที่เห็นชัดเจน คือ โครงการสร้างใหม่ส่วนใหญ่ ต้องการเร่งให้แล้วเสร็จและเปิดให้ทันในช่วงเทศกาลสำคัญ เช่น คริสต์มาส ปีใหม่ สงกรานต์ เป็นต้นเพราะต้องการลูกค้าเข้ามาในช่วงแรก แต่อย่างไรก็ดี การเร่งให้ทันเทศกาล แต่โครงการอยู่บนความไม่พร้อม และเปิดรับลูกค้า กรณีนี้ "ต้นทุน" ของคุณคงจะยิ่งสูงขึ้นไป เพราะอาจเกิดความไม่พอใจของลูกค้าที่คาดหวังจากโครงการ เกิดการต่อว่า และเขียนรีวิวที่ไม่ดี ส่งผลต่อภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือของโครงการ แทนที่จะมีลูกค้าเข้ามาสม่ำเสมอ กลับกลายเป็นต้องมานั่งกอบกู้ชื่อเสียง หรือเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเพื่อเป็นค่าชดเชยความเสียหายที่เกิดกับลูกค้า ก็เป็นได้
ต้นทุนต่างกัน สินค้าต่างกัน บริการต่างกัน ไม่ต้องแข่งกับใคร แข่งขันกับตัวเราเองให้เต็มที่ และใช้กรอบแนวนโยบายของภาครัฐเป็นความรู้รอบตัวให้เรารู้และเข้าใจถึงแนวทางการพัฒนา และโอกาสทางธุรกิจก็เพียงพอ
หยุดคิดซักนิด ชีวิตจะดี
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น